รีวิว & ทดสอบ Yamaha XSR155 Sport Heritage ออกแบบโดยคนไทย

โพสเมื่อ : 20 ก.พ. 2566 10:28

สวัสดีครับเพื่อนๆ เมื่อไม่นานมานี้ผมเองได้มีโอกาสได้จับเอารถรุ่นใหม่จากทางยามาฮ่าไปทดสอบ นั่นก็คือ Yamaha XSR155 กับรถในสไตล์ Sport Heritage ที่ได้มีรุ่นพี่อย่าง XSR900 และ XSR700 ออกมาทำตลาดมาก่อนแล้ว และในวันนี้จากฝีมือการออกแบบโดยคนไทยกับ XSR155 ก็พร้อมแล้วที่จะนำออกขายทั่วโลกครับ ซึ่งผมเองต้องขอขอบคุณทาง เจริญมอเตอร์เชียงใหม่ ที่ไว้ใจมอบเจ้า Yamaha XSR155 คันนี้ให้ผมนำเอาไปรีวิวและทดสอบครับ

ในเรื่องการออกแบบนั้นแน่นอนว่าเป็นการออกแบบโดยคนไทย ซึ่งยังคงยึดคอนเซปและถ่ายทอดความรู้สึกมาจากรุ่นพี่อย่าง XSR900 และ XSR700 มาได้อย่างครบถ้วน ซึ่งจากการมองดูองค์ประกอบโดยรวมแล้วผมมองว่าให้อารมณ์ไปในทิศทางของ XSR900 ค่อนข้างมากกว่า แน่นอนเลยว่าได้เห็นครั้งแรกและได้สัมผัสครั้งแรกผมค่อนข้างชอบทีเดียวครับ

Yamaha XSR900

Yamaha XSR700

การออกแบบได้อารมณ์ของความวินเทจผสมกับความทันสมัย ซึ่งในจุดนี้มันสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ได้หลากหลายตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงคนสูงอายุที่ชื่นชอบในความทันสมัยแต่ยังได้กลิ่นอายของความวินเทจนั่นเอง ซึ่งไฟหน้าของ Yamaha XSR155 เป็นแบบ LED ได้ออกแบบเป็นทรงกลมสไตล์ HERITAGE แบ่งเป็นไฟต่ำ-ไฟสูง ครึ่งซีก โดยมีการคั่นไว้ด้วยโลโก้ XSR สีโครเมียม รวมทั้งยังมีไฟ LED Daylight ครึ่งซีกบน ทำให้ดูหล่อจริงๆ ซึ่งไฟหน้าค่อนข้างสว่างทีเดียวครับ

ไฟท้ายเป็นแบบทรงกลมโดยที่ไฟทำเป็นแบบโดนัท การออกแบบทำได้สวยงามรับกับบังโคลนท้าย รวมไปถึงไฟเลี้ยวก็มีรูปทรงที่เข้ากับตัวรถจริงๆครับ

เรือนไมล์ออกแบบเป็นทรงกลมเข้ากับตัวรถ โดยเป็นแบบ Full Digital เรียกได้ว่าออกแบบมาได้ลงตัว สวยงาม และแสดงผลค่าต่างๆได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น วัดรอบ , ตำแหน่งเกียร์ , เวลา , ระดับเชื้อเพลิง หรือแม้แต่การเลือกแสดงผล ระยะทางรวม , ทริป , การบริโภคน้ำมัน ต่างๆเป็นต้นครับ ในจุดนี้ต้องบอกเลยว่าทางยามาฮ่าเองทำออกมาได้ดีจริงๆครับ

กุญแจอยู่บนถังน้ำมันทรงหยดน้ำ ความจุถังน้ำมัน 10 ลิตร รูปทรงโมเดิร์นคลาสสิคที่ออกแบบได้เข้ากับเบาะนั่งตอนเดียวสไตล์ HERITAGE โดยความสูงจากพื้นถึงเบาะจะอยู่ที่ 810 มม. อาจจะมองว่าเบาะดูสูงแต่เมื่อลองคร่อมแล้วด้วยรูปทรงของเบาะจึงทำให้คนตัวไม่สูงมากสามารถขับขี่ได้ไม่ยาก ผมสูง 170 ซม. หากคร่อม 2 เท้าอาจจะได้เขย่งนิดหน่อย แต่หากเอาเท้าลงข้างเดียวก็เต็มเท้าได้อย่างสบายๆ ผู้หญิงสูงไม่ถึง 160 ซม. ก็ขับขี่ได้อยู่ครับ จากที่ผมได้ลองขับขี่ดูแล้วถือว่าตัวเบาะทำออกมาได้ดีมากๆ นั่งขับขี่ได้อย่างสบาย ขี่ไกลๆไม่รู้สึกเมื่อยครับ

แฮนด์เป็นแบบแฮนด์บาร์ ขนาดกำลังดี ไม่กว้างมากไปและมีองศาแฮนด์ที่ขี่ได้สบาย รับกับท่านั่ง และการวางเท้า พร้อมกับชุดสวิตซ์ที่มีฟังก์ชั่นการทำงานมาครบถ้วน

โช้คหน้าเป็นแบบหัวกลับอัพไซด์ดาวน์ขนาด 37 มม. ส่วนด้านหลังเป็นแบบสวิงอาร์มอลูมิเนียม ทำงานร่วมกับโช้คเดี่ยวที่ทำงานร่วมกับกระเดื่องทดแรง ซึ่งจากการได้ทดสอบขับขี่ทั่วๆไปก็ถือว่าตอบสนองการใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดี และเมื่อในยามทดสอบเอาไปเล่นโค้งก็ถือว่ากับถนนทั่วๆไปที่ไม่ใช่สนามแข่งนั้นก็ทำออกมาได้มั่นคง เกาะโค้งไปได้เป็นอย่างดี จากการทดสอบการเข้าโค้งในช่วง 115-120 กม./ชม. ก็ทำได้ค่อนข้างมั่นใจ อาจจะมีความรู้สึกแค่หากเป็นโค้งที่มีหลุมหรือถนนที่มีการปะผิวถนน ไม่เรียบ แล้วเข้าโค้งเร็วๆตัวรถจะออกอาการดีดหรือสะบัดบ้างเล็กน้อยครับ

ล้อเป็นล้อแม็กขอบ 17 นิ้ว โดยที่ยางจะเป็นยางแบบ DUAL PURPOSE ที่ออกแบบมาใหม่รองรับเส้นทางที่แตกต่างได้หลากหลาย ซึ่งยางในแนวนี้ผมเองชอบเป็นการส่วนตัว เพราะในยามที่ต้องการเดินทางหาประสบการณ์ใหม่ๆในเส้นทางที่ลุยๆ ก็สามารถพารถคันโปรดของเราลงไปลุยได้เลย ซึ่งขนาดยางที่ให้มานั้นยางหน้าขนาด 110 / 70 ส่วนยางหลังขนาด 140 / 70 ซึ่งจากการใช้งานถือว่าค่อนข้างมั่นใจได้ครับแม้จะเป็นการใช้ความเร็วสูงทั้งในทางตรงและทางโค้งครับ

ระบบเบรกเป็นแบบดิสก์เบรกทั้งหน้าและหลัง โดยด้านหน้าเป็นแบบ 2 ลูกสูบ ขนาดจานเบรก 267 มม. ส่วนด้านหลังเป็นแบบสูบเดียว ขนาดจาน 220 มม. ซึ่งจากการใช้งานผมค่อนข้างพอใจครับ ตอบสนองการใช้งานทั้งในการกรอเบรคในโค้ง หรือการกดเบรกหนักๆก็ทำได้ดีมากครับ

เครื่องยนต์ของ Yamaha XSR155 เป็นเครื่องยนต์ 4 จังหวะ สูบเดียว แบบ SOHC 4 วาล์ว เทคโนโลยี VVA ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 155 ซีซี จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด 6 เกียร์ ที่มาพร้อมกับสลิปเปอร์คลัตซ์ ซึ่งจะว่าไปแล้วหลายๆคนอาจจะคิดถึง MT-15 แต่จากการทดสอบในเส้นทางเดิมที่ผมเคยเอา MT-15 ไปทดสอบ อารมณ์ค่อนข้างต่างกันพอสมควรครับ

อารมณ์ที่ได้จาก Yamaha XSR155 จะไม่ได้เป็นรถที่กำลังเครื่องยนต์มาแบบปรู๊ดปร๊าดทันใจเหมือนกับ MT-15 แต่กำลังของเครื่องยนต์จะมาแบบสุขุม นิ่มๆ อาการเปิดคันเร่งหน้าหงาย อาจจะไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น รอบเครื่องในช่วง 7,000 รอบขึ้นไปน่าจะเป็นช่วงย่านกำลังที่ขับขี่ได้สนุกที่สุดครับ ซึ่งเป็นการเซ็ทมาใหม่เพื่อให้เข้ากับสไตล์ HERITAGE ซะมากกว่า ซึ่งก็ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองหรือขับขี่ท่องเที่ยวได้ค่อนข้างสนุกครับ ซึ่งต่างจาก MT-15 ที่ให้อารมณ์ที่เร้าใจมากกว่าครับ

จากการขับขี่ขึ้นเขาชันๆก็เรียกว่าไปได้อย่างสบายๆครับ แต่หากเทียบกับ MT-15 ในเครื่องยนต์ 155 เหมือนกันแล้วนั้นการขึ้นลงเขาผมยังแอบคิดถึง MT-15 มากกว่าที่ทำได้ถูกใจมากกว่าครับ สำหรับ XSR155 เวลาลงเขาก็มี Engine Brake ให้ใช้พอดีๆ ไม่ดึงมากจนเกินไป และในยามที่ลองทดสอบขับขี่มาเร็วๆ แล้วลองตบเกียร์ลงหลายๆเกียร์แล้วลองปล่อยคลัตซ์แบบทันที พบว่าการทำงานของ สลิปเปอร์คลัตซ์ ทำงานได้ดีมาก ถึงจะมีอาการล้อสไลด์นิดๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รถถึงกับล้อล็อคจนรถเสียอาการ จุดนี้ต้องบอกว่า สลิปเปอร์คลัตซ์ มีประโยชน์จริงๆครับ

กับน้ำหนักตัว 75 กก. และของอีกราว 5 กก. จากการขับขี่ผมสามารถทำความเร็วแบบนั่งขี่ไปแบบตึงๆมือได้อยู่ที่ราวๆ 126 กม./ชม. รถจะเริ่มไม่ค่อยไหลต่อต้องอาศัยการหมอบเข้าช่วย ซึ่งคาดว่าน่าจะไหลไปได้อีกนิดหน่อยครับ แต่ผมขอทดสอบเอาแค่อารมร์ที่กำลังสนุกแบบไม่ต้องหมอบก็แล้วกันครับ

สำหรับอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันนั้นจากการนำไปขับขี่ขึ้นลงเขาและใช้รอบเครื่องค่อนข้างสูงทำไปได้ที่ราว 40 กม./ลิตร ซึ่งหากเป็นการใช้งานทั่วๆไปน่าจะทำตัวเลขได้มากกว่านี้ครับ

สำหรับ Yamaha XSR155 นั้นเรียกได้ว่าเป็นรถที่ขีบขี่ได้สนุกอีกรุ่น และจากการออกแบบในสไตล์ HERITAGE เฉกเช่นเดียวกับรุ่นพี่อย่าง XSR900 และ XSR700 ยิ่งทำให้ XSR155 นั้นดูดีไม่ต่างจากรุ่นพี่เลยครับ และยิ่งรถในสไตล์นี้คาดว่ากระแส CUSTOM ออกมาในแนวทางที่เจ้าของชื่นชอบก็คงจะเป็นรถอีกรุ่นที่มาปลุกกระแสการตกแต่งรถเป็นแน่ครับ สำหรับ Yamaha XSR155 Sport Heritage ที่ออกแบบโดยคนไทยรุ่นนี้ สนนราคาจะอยู่ที่ 91,500 บาท หากใครที่ชื่นชอบและสนใจก็สามารถเข้าไปดูตัวจริงได้ที่ตัวแทนจำหน่ายยามาฮ่าทั่วประเทศครับ

คลิปรีวิวและทดสอบ Yamaha XSR155

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

รีวิว&ทดสอบ พาเจ้า Lambretta V200 Special ตำนานรถสกู๊ตเตอร์สุดคลาสสิคสายพันธุ์อิตาลี ลุยฝนขึ้นจุดสูงสุดของประเทศไทย

วันนี้ผมมีโอกาสได้รีวิวตำนานรถสกู๊ตเตอร์สุดคลาสสิคสายพันธุ์อิตาลี ยี่ห้อหนึ่งที่หลายๆคนที่รักสกู๊ตเตอร์ต้องรู้จักยี่ห้อนี้เป็นอย่างดี นั่นก็คือ Lambretta ซึ่งได้นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย คงสมใจหลายๆคนที่รอคอยรถรุ่นนี้แน่นอน

รีวิว & ทดสอบ Cineco ES5 รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า แรงถึงใจกับมอเตอร์ Mid Drive ขนาด 5,000 วัตต์

สวัสดีครับทาง VRthairider ได้มีโอกาสได้ทดสอบมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจเลยทีเดียว นั่นก็คือ Cineco ES5 ซึ่งต้องบอกเลยว่าคันนี้ไม่ธรรมดาจริงๆครับ ทดสอบแล้วเป็นยังไงติดตามกันได้เลยครับ

รีวิวและทดสอบพา KAWASAKI KLX 150 BF ตะลุยป่าแม่ฮ่องสอน

สวัสดีครับวันนี้พวกเรา VRthairider ได้รถมารุ่นนึงก็คือ Kawasaki KLX 150 BF ซึ่งเป็นรถในแนวลุยๆในพิกัด 150 ซีซี ที่ออกมาจำหน่ายได้นานพอสมควร รีวิวนี้จึงไม่ขอว่าเป็นรีวิวรถใหม่นะครับ แต่เป็นการไปท่องเที่ยวและนำไปลุยในแบบเอ็นดูโร่ครับ