รีวิว ทดสอบ Kawasaki W250 2018 รถในสไตล์เรโทรคลาสสิคในตระกูล W Series

โพสเมื่อ : 18 ก.พ. 2566 10:26

จากครั้งก่อนผมได้นำเอารถเรโทรคลาสสิครุ่นเล็กจากทาง Kawasaki มารีวิวและทดสอบก็คือเจ้า Kawasaki W175 ซึ่งหากใครยังไม่ได้ดูรีวิวนี้สามารถดู รีวิว Kawasaki W175 ได้เลยครับ และในครั้งนี้ผมก็ได้มีโอกาสนำเอารถเรโทรคลาสสิคในพิกัด 250 ซีซี จากทาง Kawasaki มาทำการรีวิวและทดสอบอีกครั้งในรุ่น Kawasaki W250 2018 ซึ่งเป็นรถอีกรุ่นที่หาดูรีวิวได้ยากมาก ซึ่งงานนี้ผมต้องขอขอบคุณทาง คาวาซากิ แสงชัยธุรกิจยานยนต์ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้ออกรถใหม่ป้ายแดงให้ผมเอาไปรีวิวในครั้งนี้ กับระยะทางทดสอบร่วม 1,000 กิโลเมตร

Kawasaki W250 ถือได้ว่าเป็นรถในสไตล์เรโทรคลาสสิคในตระกูล W Series ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตลาดเอเชียโดยเฉพาะ ด้วยการออกแบบที่ได้กลิ่นอายของความคลาสสิคโดยแท้ ไม่ต่างจากรุ่นพี่อย่าง W800 หรือรุ่นน้องอย่าง W175 เลย และจุดที่น่าสนใจเลยก็คือ Kawasaki W250 นั้นเป็นรถประกอบญี่ปุ่น Made in Japan จึงทำให้หลายๆอย่างดูเนี๊ยบ วัสดุต่างๆดูดีมีราคาครับ

ไฟหน้าขนาดใหญ่แบบฮาโลเจน และไฟเลี้ยวขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดเจน ไฟท้ายและไฟเลี้ยวก็ออกแบบได้เข้ากับแนวคลาสสิค มีความมั่นคงและแข็งแรง โดยยังคงใช้เป็นหลอดไส้ปกติครับ


เรือนไมล์ขนาดพอเหมาะโดยมี 2 เรือน โดยเรือนไมล์ด้านซ้ายจะวัดความเร็วเป็นแบบเข็ม โดยมีระยะทางรวมและทริปแสดงเป็นแบบดิจิตอล ส่วนเรือนไมล์ฝั่งซ้ายจะเป็นวัดรอบแบบเข็ม และตำแหน่งหลอดไฟแสดงสถานะหัวฉีด , เกียร์ว่าง , ไฟสูง และ ไฟเลี้ยว ซึ่งในยามค่ำคืนไฟใต้เรือนไมล์ก็สว่างกำลังดี ในยามค่ำคืนเรือนไมล์มองได้สบายตาครับ

สวิตซ์แฮนด์เป็นการออกแบบให้ได้อารมณ์ความคลาสสิคจริงๆ ซึ่งสวิตซ์ต่างๆจะเป็นปุ่มกดและก้านโยกแนวๆเก่าๆ โดยด้านซ้ายจะมีไฟ Pass และ ไฟฉุกเฉินมาให้ด้วย ส่วนในฝั่งขวาก็จะมี Off-Run มาให้ครับ โดยมือเบรกและมือคลัทช์จะเป็นแบบปรับระดับได้ครับ

ถังน้ำมันมีความจุ 13 ลิตร เพียงพอต่อการเดินทางไกลๆ พร้อมด้วยเบาะนั่งนิ่มๆ มีการแบ่งระดับระหว่างผู้ขับขี่และผู้ซ้อนไว้ ซึ่งจะเป็นการสืบทอดมาจากรุ่นพี่ W800 นั่นเอง

ระบบกันสะเทือนหน้าแบบเทเลสโคปิคขนาดแกน 39 มม. ส่วนด้านหลังเป็นโช้คคู่ที่สามารถปรับพรีโหลดได้ ในส่วนของล้อเป็นล้อซี่โดยล้อหน้าเป็นขอบ 18 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 90/90 ส่วนด้านหลังเป็นขอบ 17 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 110/90

ระบบเบรกของ Kawasaki W250 ด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรก แบบ 2 ลูกสูบ ขนาดจาน 300 มม. ส่วนด้านหลังนั้นเป็นแบบดรัมเบรกขนาด 160 มม.

สำหรับเครื่องยนต์ของ Kawasaki W250 เป็นเครื่องยนต์ 4 จังหวะ แบบสูบเดียว SOHC 2 วาล์ว 250 ซี​.​ซี​.​ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด ระบบเกียร์แบบ 5 สปีด ท่อเป็นทรงบวบที่เข้ากับรถในแนวเรโทรคลาสสิคจริงๆครับ จะมีแอบขัดใจอยู่บ้างก็คือจุดวางชุดบำบัดอากาศที่ไปอยู่ในตำแหน่งอกไก่ของตัวรถทำให้ดูเกะกะไปบ้างเหมือนกัน

จากครั้งแรกที่ได้ลอง Kawasaki W250 มีความรู้สึกว่ารถไม่ได้เป็นรถที่สูงมาก คนตัวไม่สูงมากนั่งคล่อมเต็มเท้าได้สบายๆ น้ำหนักรถที่ 162 กิโลกรัม มีความรู้สึกเหมือนจะหนัก แต่เมื่อเริ่มขับขี่แล้วกลับรู้สึกคล่องตัว ขับขี่ได้สบาย ด้วยตำแหน่งการวางเท้า เบาะที่ต่ำ และแฮนด์ที่ไม่กว้างมาก ทำให้เดินทางไกลๆค่อนข้างสบายเลยทีเดียว

สวิตซ์ต่างๆด้วยการออกแบบให้ดูย้อนยุค ในบางครั้งก็มีความรู้สึกว่าแอบฝืดไปบ้างเวลาใช้งาน และสวิตซ์แตรกับสวิตซ์ไฟ Pass ที่อยู่ตำแหน่งก้านเดียวกันบางทีก็กดผิดไปบ้าง คงต้องใช้รถไปนานๆคงจะชินมากยิ่งขึ้น

ระบบกันสะเทือนของ Kawasaki W250 ทำได้ดีทีเดียวกับการใช้งานในเมือง และสำหรับการเดินทางออกต่างจังหวัด เป็นช่วงล่างที่นิ่มกำลังดี ไม่แข็งจนเกินไป ทั้งการกระแทกและการคืนตัวของโช้คทั้งหน้าและหลัง เซ็ทมาให้ดีมาก เอาไปลุยในทางดินก็ใช้งานได้ดีทีเดียว การขี่เล่นโค้งด้วยความเร็วถือว่าช่วงล่างของ Kawasaki W250 ทำออกมาให้ขี่เล่นโค้งได้สนุกทีเดียว มั่นใจได้ว่าสามารถเทเข้าไปแบบเต็มๆได้โดยไม่ย้วยแต่ประการใด แต่หากต้องเข้าโค้งแคบๆหนักๆบางโค้งก็แอบรู้สึกนิ่มไปบ้างซึ่งสามารถปรับพรีโหลดได้ตามต้องการ โดยรวมแล้วถือว่าพอใจมากครับ

ระบบเบรกหน้าถือว่ามั่นใจได้ครับใช้งานได้ดีมาก ขี่มาเร็วๆเบรกหนักๆเบรกหน้าอย่างเดียวก็พอเอาอยู่ ส่วนเบรกหลังมีความรู้สึกว่าต้องออกแรงพอสมควรครับ ในเรื่องของยางนั้นต้องบอกเลยว่าเกินคาดทั้งการขับขี่เล่นโค้งด้วยความเร็วสูง และการขับขี่ในช่วงฝนตก มั่นใจได้ครับผมลองขี่ช่วงความเร็ว 80 – 100 ทั้งการขี่ทางตรงๆและเข้าโค้งบนถนนเปียกยังไม่เจอลื่น, สไลด์ หรืออาการใดๆจากยางเลยครับ ถือว่าตัวยางทำได้เกินคาดจริงๆ

กำลังเครื่องยนต์ไม่ได้มาแบบหนักๆเปิดทีหน้าหงาย แต่เป็นกำลังที่ให้ความรู้สึกที่นิ่มนวล ออกแนวรถผู้ดี อัตราทดแต่ละเกียร์ถือว่าทำได้ต่อเนื่อง การเปลี่ยนเกียร์ค่อนข้างนุ่มและสมูทไม่มีอาการติดขัด การเดินทางผ่านทางขึ้นเขา Kawasaki W250 ก็มีแรงขึ้นได้สบาย และในช่วงลงเขาเองก็มี Engine Break ให้ใช้พอเหมาะ ส่วนตัวมองว่า Kawasaki W250 เป็นรถที่ขี่สนุกรุ่นหนึ่งทีเดียว

สำหรับเครื่องยนต์ของ Kawasaki W250 จะมีข้อติอยู่แค่เรื่องเดียว ที่อาจจะไม่ถูกจริตคนไทยเท่าไหร่ ก็คือ ความเร็ว Top Speed ของ Kawasaki W250 ทำได้อยู่ที่ 112 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ราว 7,200 รอบ/นาที รถจะออกอาการเหมือนรอบตัด ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ต้องทำให้ผ่านมาตรฐานไอเสียในบ้านเรา ถึงจะสามารถนำเข้ามาขายได้ ซึ่งจุดนี้หากใครอยากให้แรงกว่านี้คงมีวิธีปลดล็อคตรงนี้ได้ไม่ยากครับ

ด้านการบริโภคน้ำมันกับการเดินทางที่ความเร็ว 100+ กิโลเมตร/ชั่วโมง จะบริโภคน้ำมันที่ 30 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการบริโภคที่น่าพอใจเลยทีเดียวครับ หากขับขี่ที่ความเร็วปกติไม่ได้ซัดกระจายแบบที่ผมเอาไปทดสอบ น่าจะทำตัวเลขได้ดีกว่านี้ครับ

ในการเดินทางช่วงกลางคืนสิ่งที่ผมชอบก็คือไฟหน้าของ Kawasaki W250 สว่างมากๆครับ ไม่ว่าจะมืดแค่ไหนก็สบายครับ สว่างได้ใจจริงๆครับ

โดยรวมจากที่ผมได้คล่อมเจ้า Kawasaki W250 ทดสอบร่วม 1,000 กิโลเมตร ผมต้องบอกเลยว่าเจ้า W250 คันนี้เป็นรถที่ขี่ได้ดีในเมือง และขี่ได้สนุกเวลาออกทริปท่องเที่ยวไกลๆ ให้กำลังขึ้นเขาลงห้วยไปได้สบายมีกำลังเดินทางไปได้ทุกที่แน่นอน ซึ่งใครที่ชื่นชอบในสไตล์รถเรโทรคลาสสิคในแบบ W250 ก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้จากตัวแทนจำหน่าย Kawasaki ทั่วประเทศ ในสนนราคาที่ 220,000 บาท ครับ ไว้คราวหน้าผมจะไปรีวิวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นไหน ไว้รอติดตามชมนะครับ

คลิปรีวิว ทดสอบ Kawasaki W250

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

รีวิว & ทดสอบ All New Yamaha Exciter 155 จัดให้หนักตะลุยทุกสภาวะ กับระยะทางร่วม 600 กม.

All New Yamaha Exciter 155 ถือว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 แล้วสำหรับรถ Sport Moped อย่าง Exciter ซึ่งด้วยตัวผมเองนั้นได้มีโอกาสทดสอบและใช้งานหนักๆมาแล้วกับ Yamaha Exciter ทั้งใน เจเนอเรชั่นที่ 1 และการทดสอบมากกว่า 4,000 กิโลเมตร

รีวิว & ทดสอบรถไฟฟ้าแบรนด์ไทย i-motor Vapor ทรงสวยมีสไตล์ เรียบหรู เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์

ทาง VRthairider ได้มีโอกาสทดสอบรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบรนด์ไทยอย่าง i-motor Vapor ที่กำลังเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 44 สำหรับ Vapor ที่ได้ไปทดสอบในครั้งนี้เป็นตัว Prototype แต่ก็เรียกได้ว่าใกล้เคียงตัวที่จะจัดจำหน่ายเร็วๆนี้

รีวิวและทดสอบ Yamaha MT-15 Sport naked น้องเล็กพิกัด 155 ซีซี ในตระกูล MT-Series

Yamaha ในตระกูล MT-Series ออกมารีวิวและทดสอบขี่กันยาวๆ นั่นก็คือ Yamaha MT-15 รถ Sport naked ที่เรียกได้ว่าได้กลิ่นอายมาจากรุ่นพี่ในตระกูล MT มาแบบเต็มๆ ด้วยเอกลักษณ์การออกแบบแฟริ่งด้านข้างที่มีลักษณ์เหมือนแรมแอร์ ที่ดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก